ดูดไขมันต้นแขน บอกลาแขนใหญ่ย้วย ใส่เสื้อแขนกุดอย่างมั่นใจ

ดูดไขมันต้นแขน

ปัญหาน้ำหนักลด แต่แขนไม่ลดตาม ออกกำลังกายเท่าไหร่ต้นแขนก็ยังใหญ่ ย้วย ไม่กระชับ ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจในการใส่เสื้อแขนกุดหรือเสื้อโชว์แขน บทความนี้จะเจาะลึกทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการ ดูดไขมันต้นแขน วิธีลัดสู่แขนเรียวสวยที่เห็นผลจริงและปลอดภัย

ต้นแขนใหญ่เกิดจากอะไร?

แขนไม่ลดลง

เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมออกกำลังกายแทบตาย แต่ต้นแขนก็ยังคงใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง? โครงสร้างของต้นแขนประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ กระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน ซึ่งขนาดของต้นแขนที่ใหญ่มักมีสาเหตุหลักมาจาก กรรมพันธุ์ (Genetic) ที่ได้รับมาจากพ่อแม่

  • กระดูก: เป็นโครงสร้างหลักของร่างกายที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดได้ การทำให้กระดูกเล็กลงอาจส่งผลเสียต่อการรับน้ำหนักและการพยุงร่างกาย
  • กล้ามเนื้อ: การมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นสิ่งจำเป็นในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน การลดขนาดกล้ามเนื้อมากเกินไปจะทำให้แขนไม่มีแรง
  • ไขมัน: เป็นส่วนที่ร่างกายเก็บสะสมพลังงานไว้ หากมีมากเกินไปก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ และเป็นส่วนที่สามารถกำจัดออกไปได้เพื่อลดขนาดของต้นแขน

ทำไมออกกำลังกายแล้วแขนไม่ลด?

การออกกำลังกายอาจไม่ทำให้แขนเล็กลงเสมอไป เพราะไม่ได้ส่งผลต่อขนาดของกระดูก และหากออกกำลังกายผิดวิธีอาจทำให้กล้ามเนื้อใหญ่และแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้แขนดูใหญ่และล่ำกว่าเดิมได้ แม้ว่าการออกกำลังกายและควบคุมอาหารจะช่วยลดไขมันได้ แต่สำหรับคนที่มีไขมันที่ต้นแขนจากกรรมพันธุ์ ไขมันส่วนนี้มักจะเป็นไขมันส่วนที่ “ดื้อ” ที่สุดและร่างกายจะดึงมาใช้เป็นลำดับสุดท้าย จึงเป็นเรื่องปกติที่แม้จะพยายามแค่ไหน ไขมันที่ต้นแขนก็ยังคงอยู่ครับ

Lorem ipsum dolor sit amet...

ดูดไขมันต้นแขน คือ ทางออก

จริงครับ! การดูดไขมันต้นแขน เป็นวิธีที่สามารถทำให้แขนเรียวเล็กลงได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและถูกวิธี สามารถลดขนาดต้นแขนลงได้ถึง 2-3 ไซส์เลยทีเดียว

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน:

  • 1 เดือน: เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
  • 3 เดือน: เห็นผลลัพธ์ประมาณ 80%
  • 6 เดือน: เห็นผลลัพธ์เต็มที่ 100%

นอกจากนี้ การดูดไขมัน ยังให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างถาวร เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกไปแล้วจะไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้อีก อย่างไรก็ตาม ควรควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 10-15% เพราะไขมันที่เหลืออยู่ยังสามารถขยายขนาดได้ แม้ว่าจะกลับมาสะสมในบริเวณที่ดูดไปแล้วได้ยากกว่าส่วนอื่นก็ตาม

เช็กลิสต์: ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันต้นแขน?

ใครเหมาะกับดูดไขมันต้นแขน

จากประสบการณ์ในวงการดูดไขมันกว่า 12 ปี พบว่า เกือบทุกคน สามารถดูดไขมันต้นแขนได้ ยกเว้นผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำกว่า 16-17

กลุ่มคนที่ทำแล้วเห็นผลลัพธ์ดีเป็นพิเศษ:

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมที่ต้นแขนเยอะ
  • ผู้ที่รู้สึกว่าขนาดแขนใหญ่ไม่สมส่วนกับรูปร่าง เช่น รูปร่างไซส์ L แต่ต้นแขนใหญ่ระดับ XXL

อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินร่างกายอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

แล้วคุณเหมาะที่จะดูดไขมันต้นแขนไหม ?
ปรึกษาแพทย์ฟรี !!

การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นแขน

การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันต้นแขน

การเตรียมตัวจะคล้ายกับการผ่าตัดทั่วไป เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคนไข้ครับ

  • ตรวจสุขภาพและเจาะเลือดตามที่แพทย์สั่ง
  • งดวิตามินและอาหารเสริมทุกชนิด อย่างน้อย 7 วัน
  • งดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 7 วัน
  • สระผมให้สะอาดก่อนวันดูดไขมัน
  • ลบสีเล็บทั้งมือและเท้า
  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
  • ในวันผ่าตัด: งดแต่งหน้า, งดใส่คอนแทคเลนส์ และงดเครื่องประดับทุกชนิด

ขั้นตอนการเปลี่ยนแขนใหญ่ให้เรียวสวย ทำอย่างไร?

กระบวนการดูดไขมันมี 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้

1. การใส่ยาชา (Tumescent Infiltration)

แพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็กประมาณ 3-5 มม. แล้วสอดท่อขนาดเล็กเพื่อใส่ส่วนผสมของน้ำเกลือ ยาชา และยาที่ช่วยให้เลือดหยุด (Adrenaline) เข้าไปในชั้นไขมัน ทำให้บริเวณที่จะดูดชาและเสียเลือดน้อยลง จากนั้นรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 20 นาที

2.การสลายไขมัน

แพทย์จะใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ เช่น VASER, Ultra Z, Body Jet หรือ Micro Air เพื่อสลายไขมันที่จับตัวกันแน่นให้กลายเป็นของเหลว ทำให้ง่ายต่อการดูดออกมา และได้ผิวที่เรียบเนียน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที

3.การดูดไขมันออก

แพทย์จะใช้เครื่องดูดสุญญากาศดูดไขมันที่สลายตัวแล้วออกมา ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์สูงมาก เพื่อดูดไขมันออกในปริมาณที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ ป้องกันปัญหาผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน หากดูดไขมันออกน้อยเกินไปก็อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจึงทำการเย็บปิดแผล

เจาะลึกเทคนิคการดูดไขมันต้นแขน มีกี่แบบ? ต่างกันอย่างไร?

เทคนิคดูดไขมันต้นแขน

ในหัวข้อนี้จะอธิบายถึงเทคนิคที่แพทย์ใช้ในการดูด ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

1.ดูดเฉพาะท้องแขน

เป็นการดูดไขมันบริเวณใต้ท้องแขน (กล้ามเนื้อ Triceps) ประมาณ 120-140 องศา สามารถนำไขมันออกได้ประมาณ 30-40% ของไขมันทั้งหมด

2.ดูดท้องแขนและหัวไหล่ (แขนนอก)

เป็นการดูดไขมันบริเวณท้องแขนและไขมันบริเวณหัวไหล่ร่วมกัน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 200-240 องศา สามารถนำไขมันออกได้ประมาณ 60-75%

3.ดูดไขมันรอบแขน 360 องศา

เป็นเทคนิคที่ ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด โดยเป็นการดูดไขมันรอบแขน ทั้งบริเวณท้องแขน, หัวไหล่ (แขนนอก) และหน้าแขน (กล้ามเนื้อ Biceps) ซึ่งสามารถกำจัดไขมันออกไปได้ทั้งหมด 100%

ทำไมจึงแนะนำให้ ดูดแบบ 360 องศา  เทคนิคนี้เป็นเทคนิคขั้นสูงที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เป็นพิเศษ แต่ให้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่า คือ แขนที่เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และดูกลมกลึงสวยงามเป็นธรรมชาติ เหมือนคนแขนเล็กมาตั้งแต่เกิด เพราะแพทย์จะทำการ “เหลา” แขนให้มีส่วนโค้งเว้าของกล้ามเนื้อ ดูสมจริง ไม่ดูปลอม

วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นแขน เพื่อลดบวม ฟื้นตัวไว

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันต้นแขน

การดูแลแผล : ทำแผลวันละ 1 ครั้ง ด้วยอุปกรณ์ที่สะอาด

การใส่ชุดกระชับ : สำคัญมากครับ! แนะนำให้คนไข้ใส่ชุดกระชับต่อเนื่องในเดือนแรก (อย่างน้อย 22 ชั่วโมง/วัน) และใส่ต่อในเดือนที่สอง (อย่างน้อย 16 ชั่วโมง/วัน) เพื่อช่วยลดบวม ลดความเจ็บปวด ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผิวหนังกระชับเข้าที่ได้ดี

การนวด RF : ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น แต่สามารถทำได้เพื่อช่วยให้อาการไตแข็งใต้ผิวหนังหายเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีผลต่อผลลัพธ์สุดท้าย หากไม่สะดวกก็ไม่จำเป็นต้องทำ

ข้อควรปฏิบัติอื่นๆ :

  • รับประทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่งให้ครบ (ประมาณ 5-7 วัน)
  • งดการออกกำลังกายหนักประมาณ 1 เดือน

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: กลับมาใส่เสื้อแขนกุดได้ในกี่วัน?

ใส่แขนกุดแบบมั่นใจ

โดยเฉลี่ยแล้วผลลัพธ์หลัง ดูดไขมันต้นแขน จะเป็นดังนี้:

  • 1 เดือน: เห็นผลประมาณ 40-50% (บางคนเริ่มใส่แขนกุดได้)
  • 1 เดือนครึ่ง: คนส่วนใหญ่เริ่มมั่นใจในการใส่เสื้อแขนกุด
  • 3 เดือน: เห็นผลประมาณ 70-80% และมีความมั่นใจในการโชว์แขนมาก
  • 6 เดือน: เห็นผลลัพธ์เต็มที่ 100% แขนเรียวสวยเข้าที่สมบูรณ์

หมายเหตุ: ระยะเวลาการเข้าที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลนะครับ

ข้อควรระวัง ความเสี่ยง และผลข้างเคียง

การดูดไขมันต้นแขนเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้

  • การติดเชื้อ: พบได้น้อยมากหากทำในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • อาการบวมช้ำ: เป็นอาการปกติที่จะเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด และจะค่อยๆ หายไปใน 1-2 สัปดาห์
  • ผิวเป็นคลื่น: อาจเกิดขึ้นได้หากทำโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ หรือดูดไขมันในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม
  • การเกิดไตแข็ง: เป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้แทบทุกเคส เกิดจากการที่ระบบน้ำเหลืองถูกรบกวน ซึ่งสามารถหายเองได้ 100% ภายใน 1-3 เดือน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติครับ
  • ความไม่พึงพอใจในผลลัพธ์: เป็นความเสี่ยงที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด มักเกิดจากการเลือกเทคนิคการดูดที่ไม่เหมาะสม เช่น ดูดเฉพาะท้องแขน ทำให้ขนาดแขนเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ไม่เป็นที่น่าพอใจ

ดังนั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แขนเล็กสวยงาม และเป็นธรรมชาติ จึงแนะนำให้คนไข้เลือก ดูดไขมันต้นแขนแบบ 360 องศา กับแพทย์ผู้มีความชำนาญและสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือครับ

รวมรีวิวดูดไขมันต้นแขน : Deva Clinic

ภาพรีวิว Before & After 

รีวิวความประทับใจดูดไขมันต้นแขน 

FAQs

A: แนะนำให้พักฟื้น 1-2 วันก็เพียงพอ สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาจมีอาการเจ็บระบมเล็กน้อยในช่วง 1-2 วันแรก และมีอาการบวมช้ำได้ปกติ ซึ่งอาการบวมช้ำจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปใน 7-14 วัน

A: เจ็บน้อยมาก โดยจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยตอนฉีดยาชาเท่านั้น ซึ่งเป็นความเจ็บในระดับที่คนไข้ส่วนใหญ่สามารถทนได้

A: ได้เลย เนื่องจากต้นแขนเป็นบริเวณที่เจ็บน้อยและใช้เวลาในการทำไม่นาน เคสส่วนใหญ่จึงสามารถใช้เพียงยาชาเฉพาะที่ได้

A: ผลลัพธ์ค่อนข้างถาวร เนื่องจากเซลล์ไขมันถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร หากรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ โดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย เพื่อรักษารูปร่างให้สวยงามสมส่วนไปตลอด

 A: ราคาจะคิดตามเรท BMI ของคนไข้แต่ละท่าน สำหรับการดูดไขมันรอบแขน 360 องศา ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50,900 บาท*

*หมายเหตุ: ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตาม BMI ของคนไข้แต่ละราย

อยากมีแขนเล็กเรียวสวย 360 องศา อย่ารอช้า
ปรึกษาแพทย์ฟรีเลย!!